✨ รังสี: ไม่ใช่แค่เรื่องน่ากลัว! ⚛️🔍 | Radiation: More Than Just Scary Stuff! ✨⚛️🔍

 


ประเด็นสำคัญที่ได้ศึกษาค้นคว้า (Key Researched Points)

  • รังสีคือพลังงานที่ถูกปล่อยออกมา ทั้งในรูปแบบคลื่นและอนุภาค
  • รังสีมีสองประเภทหลัก: รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Radiation) และรังสีนิวเคลียร์ (Nuclear Radiation)
  • รังสีนิวเคลียร์มาจากอะตอมที่ไม่เสถียร ซึ่งจะปล่อยพลังงานหรือสสารออกมา (เรียกว่า การสลายตัวของกัมมันตรังสี)
  • รังสีบางชนิดสามารถทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน (Ionizing Radiation) ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้ โดยทำลาย DNA
  • รังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน ได้แก่ รังสีแกมมา, รังสีเอกซ์, รังสีอัลตราไวโอเลตพลังงานสูง และรังสีนิวเคลียร์ทุกชนิด
  • รังสีมีหน่วยวัด เช่น ซีเวิร์ต (sievert)
  • เราสามารถได้รับรังสีจากแหล่งธรรมชาติและแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ
  • กากกัมมันตรังสีบางชนิดอาจเป็นอันตรายได้นานมาก ขึ้นอยู่กับครึ่งชีวิต (Half-life)
  • การได้รับรังสีมี 2 แบบหลัก คือ การฉายรังสี (Irradiation) และการปนเปื้อน (Contamination) ซึ่งมีความแตกต่างกัน
  • รังสีมีประโยชน์มากมายในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ อุตสาหกรรม และพลังงาน
  • ความเข้าใจจะช่วยให้เรากลัวรังสีน้อยลง

1.0 รังสีคืออะไร? 🤔 | 1.0 What is Radiation? 🤔

รังสีคือ การปลดปล่อยพลังงาน ออกมาในรูปของคลื่นที่กำลังเคลื่อนที่ หรือกระแสของอนุภาค เมื่อเราได้ยินคำว่า "รังสี" เราอาจนึกถึงการระเบิดครั้งใหญ่ที่น่ากลัว 💥 แต่จริงๆ แล้ว รังสีมีความหมายที่กว้างกว่านั้นมากค่ะ! รังสีรวมถึงสิ่งสวยงามอย่างสายรุ้ง 🌈 และสิ่งที่เราใช้ในการแพทย์อย่างเครื่องเอกซเรย์ (X-ray) ของคุณหมอด้วยค่ะ


2.0 ประเภทของรังสี (Types of Radiation)

จริงๆ แล้ว คำว่า "รังสี" อธิบายปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกัน 2 แบบค่ะ:

2.1 รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Radiation) 💡

รังสีประเภทนี้คือ พลังงานบริสุทธิ์ ประกอบด้วยคลื่นไฟฟ้าและคลื่นแม่เหล็กที่สั่นไปมาในอวกาศ 〰️⚡️ เมื่อคลื่นเหล่านี้สั่นเร็วขึ้น พลังงานก็จะสูงขึ้นค่ะ

  • พลังงานต่ำ: วิทยุ 📻, อินฟราเรด (ความร้อน) 🔥, และแสงที่มองเห็นได้ ☀️ (เช่น แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ของเรา 📱)
  • พลังงานสูง: อัลตราไวโอเลต (UV) ☀️, รังสีเอกซ์ (X-ray) 🦴, และรังสีแกมมา (Gamma rays)

สังคมสมัยใหม่ของเราใช้ประโยชน์จากการส่งและรับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างมากเลยค่ะ เช่น เราดาวน์โหลดอีเมลโดยใช้คลื่นวิทยุ หรือเรามองเห็นภาพเอกซเรย์บนหน้าจอเพราะหน้าจอปล่อยแสงที่มองเห็นได้ออกมา

2.2 รังสีนิวเคลียร์ (Nuclear Radiation) ⚛️

รังสีประเภทนี้มีกำเนิดจาก นิวเคลียสของอะตอม ค่ะ อะตอมเป็นหน่วยเล็กๆ ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ตั้งแต่กาแล็กซีใหญ่ๆ ไปจนถึงร่างกายของเราเลย ใจกลางของอะตอมเรียกว่า "นิวเคลียส" ซึ่งมีพลังงานมหาศาลอยู่ข้างใน

นิวเคลียสของอะตอมประกอบด้วย โปรตอน (มีประจุบวก) และนิวตรอน (ไม่มีประจุ) ⚪️ ส่วนอิเล็กตรอน (มีประจุลบ) จะโคจรรอบๆ นิวเคลียส โดยปกติแล้ว จะมีแรงที่เรียกว่า "แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม" (strong nuclear force) คอยยึดโปรตอนและนิวตรอนไว้ด้วยกันในนิวเคลียส ทำให้มันเสถียร

แต่บางครั้ง อะตอมก็มีจำนวนโปรตอนหรือนิวตรอนมากเกินไป ทำให้ นิวเคลียสไม่เสถียร หรือเป็น "กัมมันตรังสี" (radioactive) 💥 อะตอมที่ไม่เสถียรเหล่านี้เรียกว่า "ไอโซโทปกัมมันตรังสี" (radioisotope) เพื่อที่จะกลับมาเสถียรอีกครั้ง อะตอมที่ไม่เสถียรจะสุ่มปลดปล่อยสสารและ/หรือพลังงานออกมา ซึ่งนี่แหละคือ รังสีนิวเคลียร์ (หรือเรียกว่า การสลายตัวของกัมมันตรังสี - radioactive decay)


3.0 การสลายตัวของกัมมันตรังสี (Radioactive Decay) ☢️

อะตอมที่ไม่เสถียรจะสลายตัวเพื่อปล่อยส่วนเกิน (โปรตอนหรือนิวตรอน) ออกไป การสลายตัวของกัมมันตรังสีมี 3 ชนิดหลักค่ะ:

  • การสลายตัวแบบแอลฟา (Alpha Decay) (α): ปล่อยอนุภาคแอลฟาออกมา ซึ่งประกอบด้วยโปรตอน 2 ตัว และนิวตรอน 2 ตัว (เหมือนนิวเคลียสของฮีเลียม) อนุภาคแอลฟามีมวลมาก 🧱 และเดินทางได้ระยะทางสั้นๆ ค่ะ
  • การสลายตัวแบบเบต้า (Beta Decay) (β): มี 2 แบบ คือ:
    • เบต้าลบ (Beta Minus, β⁻): เกิดขึ้นเมื่อมีนิวตรอนมากเกินไป นิวตรอนจะเปลี่ยนเป็นโปรตอนและอิเล็กตรอน พลังงานสูง (เรียกว่า อนุภาคเบต้า) ซึ่งถูกปล่อยออกมา อนุภาคเบต้าเบากว่าอนุภาคแอลฟาและเดินทางได้ไกลกว่า
    • เบต้าบวก (Beta Plus, β⁺): เกิดขึ้นเมื่อมีโปรตอนมากเกินไป โปรตอนจะเปลี่ยนเป็นนิวตรอนและอนุภาคเบต้าบวก (เรียกว่า โพซิตรอน) ซึ่งถูกปล่อยออกมา
  • การสลายตัวแบบแกมมา (Gamma Decay) (γ): เป็นการปล่อยพลังงานในรูปของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีพลังงานสูงมาก รังสีแกมมาเดินทางได้ไกลที่สุดในบรรดารังสีนิวเคลียร์

ดูตารางด้านล่างเพื่อสรุปคุณสมบัติบางอย่างค่ะ 👇


4.0 รังสีมาจากไหน? (Where Does Radiation Come From?) 🌎

เราอยู่ในโลกที่มีรังสีค่ะ! รังสีมาจากทั้ง แหล่งธรรมชาติ และ แหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น:

  • แหล่งธรรมชาติ (Natural Sources):
    • ก๊าซเรดอน (Radon) ที่ซึมขึ้นมาจากพื้นดิน 🌫️
    • แร่กัมมันตรังสีในธรรมชาติ
    • แม้แต่กล้วย 🍌 ก็มีโพแทสเซียมไอโซโทปกัมมันตรังสีในปริมาณน้อยๆ ค่ะ
    • รังสีคอสมิก (Cosmic rays) จากอวกาศ 🌌
    • กัมมันตภาพรังสีพื้นหลัง (Background radiation) จากสิ่งรอบตัวเราที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน
  • แหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Sources):
    • โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 🏭
    • การรักษาทางการแพทย์ (เช่น การบำบัดมะเร็ง การถ่ายภาพวินิจฉัย) 🏥
    • งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 🔬
    • ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น เครื่องตรวจจับควัน (smoke detectors) 💨 และไฟฉุกเฉิน (emergency lights) 💡

5.0 รังสีอันตรายไหม? (Is Radiation Dangerous?) ⚠️

ไม่ใช่รังสีทุกชนิดที่เป็นอันตรายค่ะ! รังสีจะเริ่มมีความเสี่ยงเมื่อมันสามารถไป "กระชาก" อิเล็กตรอนออกจากอะตอมอื่นๆ ที่มันชนได้ กระบวนการนี้เรียกว่า การแตกตัวเป็นไอออน (ionization) การแตกตัวเป็นไอออนสามารถ ทำลาย DNA ของเราได้ค่ะ 🧬 อะตอมที่สูญเสียหรือได้รับอิเล็กตรอนเรียกว่า ไอออน นั่นคือที่มาของคำว่า "รังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน" (Ionizing Radiation)

  • รังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน (Ionizing Radiation): รังสีนิวเคลียร์ทุกชนิด (แอลฟา, เบต้า, แกมมา) เป็นรังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน นอกจากนี้ รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงบางชนิดก็เป็นเช่นกัน ได้แก่ รังสีแกมมา, รังสีเอกซ์, และรังสีอัลตราไวโอเลตที่ปลายสุดของสเปกตรัมพลังงานสูง นี่คือเหตุผลที่แพทย์ใช้เครื่องกำบังระหว่างการเอกซเรย์ และทำไมเราจึงควรทาครีมกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง ☀️🧴
  • รังสีที่ไม่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน (Non-ionizing Radiation): รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงานต่ำ เช่น คลื่นวิทยุจากโทรศัพท์มือถือ 📱 และคลื่นไมโครเวฟในเตาไมโครเวฟ ♨️ ไม่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงจากการใช้รังสีเหล่านี้ค่ะ

6.0 รังสีส่งผลต่อเราได้อย่างไร? (How Can Radiation Affect Us?) 🤕

ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้รับ รังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนจำนวนมากในเวลาสั้นๆ หรือที่เรียกว่า "การได้รับรังสีแบบเฉียบพลัน" (acute exposure) การได้รับรังสีแบบเฉียบพลันสามารถทำลายกลไกการซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติของร่างกายได้ สิ่งนี้อาจนำไปสู่โรคมะเร็ง การทำงานผิดปกติของเซลล์ และอาจถึงแก่ชีวิตได้เลยค่ะ 💀 โชคดีที่การได้รับรังสีแบบเฉียบพลันนั้นเกิดขึ้นได้ยากค่ะ

อย่างไรก็ตาม เราได้รับรังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนในระดับที่ต่ำกว่าทุกวัน จากทั้งแหล่งธรรมชาติและแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ร่างกายของเรามักจะซ่อมแซมความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ จากรังสีปริมาณน้อยได้ค่ะ


7.0 การวัดปริมาณรังสี (Measuring Radiation) 📏

นักวิทยาศาสตร์ใช้หน่วยที่เรียกว่า ซีเวิร์ต (sievert) เพื่อเปรียบเทียบปริมาณการได้รับรังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน

  • การได้รับรังสี 1 ซีเวิร์ตแบบเฉียบพลัน อาจทำให้คลื่นไส้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • การได้รับรังสี 4 ซีเวิร์ต อาจถึงแก่ชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม ปริมาณรังสีที่เราได้รับในชีวิตประจำวันนั้นต่ำกว่านี้มากค่ะ 👇

  • คนทั่วไปได้รับรังสีเฉลี่ย 6.2 มิลลิซีเวิร์ต (millisieverts) ต่อปี จากทุกแหล่งรวมกัน โดยประมาณหนึ่งในสามมาจากก๊าซเรดอน (1 มิลลิซีเวิร์ต = 1/1000 ซีเวิร์ต)
  • การเอกซเรย์ฟัน 🦷 แต่ละครั้งได้รับประมาณ 5 ไมโครซีเวิร์ต (microsieverts) คุณจะต้องเอกซเรย์ฟันมากกว่า 1,200 ครั้งถึงจะได้รับปริมาณเท่ากับปริมาณรังสีที่ได้รับเฉลี่ยต่อปีเลยทีเดียวค่ะ! (1 ไมโครซีเวิร์ต = 1/1,000,000 ซีเวิร์ต)
  • ส่วนกล้วย 🍌 ถ้าคุณสามารถดูดซับรังสีจากกล้วยได้ทั้งหมด คุณต้องกินกล้วยประมาณ 170 ลูกต่อวัน ถึงจะได้รับปริมาณเท่ากับปริมาณรังสีที่ได้รับเฉลี่ยต่อปีค่ะ!

8.0 การจัดการวัสดุกัมมันตรังสี (Handling Radioactive Materials) 🧤

เมื่อพูดถึงอันตรายจากวัสดุกัมมันตรังสี มีสองคำสำคัญที่เราต้องเข้าใจค่ะ:

8.1 การฉายรังสี (Irradiation)

คือ การที่บุคคลหรือวัตถุสัมผัสกับรังสีโดยไม่ได้สัมผัสโดยตรง กับแหล่งกำเนิดกัมมันตรังสี 🧍➡️☢️ คนที่ถูกฉายรังสีไม่ได้แตะต้องวัสดุกัมมันตรังสีโดยตรง แต่เนื่องจากการฉายรังสีสามารถเกิดขึ้นได้ในระยะไกล จึงยังมีความเสี่ยงอยู่ อันตรายจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อบุคคลนั้นอยู่ในบริเวณที่มีกากกัมมันตรังสี ดังนั้นจึงได้รับรังสีในระยะเวลาสั้นๆ และได้รับปริมาณรังสีต่ำ

การฉายรังสีมีประโยชน์บางอย่าง เช่น การรักษามะเร็ง 🎗️ เพื่อพยายามกำจัดเซลล์มะเร็ง หรือใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัด 🔪 และฆ่าเชื้อแบคทีเรียในผลไม้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต 🍎 วัตถุที่ถูกฉายรังสีจะไม่กลายเป็นกัมมันตรังสีเอง จึงปลอดภัยที่จะนำไปใช้หรือบริโภคค่ะ

8.2 การปนเปื้อน (Contamination) ☢️🦠

คือ การที่บุคคลหรือวัตถุสัมผัสโดยตรง กับกากกัมมันตรังสี 🧍↔️☢️ เมื่อเกิดการปนเปื้อน บุคคลนั้นจะนำแหล่งกำเนิดกัมมันตรังสีติดตัวไปด้วย 🚶‍♀️ ทำให้ได้รับรังสีเป็นระยะเวลานานขึ้น และได้รับปริมาณรังสีที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มากขึ้นค่ะ การปนเปื้อนสามารถเกิดขึ้นได้หลายวิธี ตั้งแต่การหยิบจับแหล่งกำเนิดกัมมันตรังสี การหายใจเอาเข้าไป 😮‍💨 หรือแม้แต่การกลืนกินเข้าไป 🍔

การปนเปื้อนก็มีประโยชน์ในการแพทย์เช่นกันค่ะ เช่น การฉีดสารกัมมันตรังสีติดตาม (radioactive tracers) เข้าไปในร่างกายเพื่อตรวจหาการอุดตัน หรือใช้ในการหาจุดรั่วในท่อประปา


9.0 ครึ่งชีวิต (Half-life)

กากกัมมันตรังสีบางชนิดอาจเป็นอันตรายได้ในระยะเวลาที่สั้นมาก หรือยาวนานมากค่ะ ขึ้นอยู่กับ ครึ่งชีวิต (half-life) ของมัน ครึ่งชีวิตหมายถึง ระยะเวลาที่ใช้เพื่อให้จำนวนอะตอมกัมมันตรังสีของไอโซโทปกัมมันตรังสีลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง ของปริมาณเริ่มต้น เมื่อเวลาผ่านไป ระดับความอันตรายของกากกัมมันตรังสีก็จะลดลงค่ะ

  • ตัวอย่าง: ถ้าเรามีกากกัมมันตรังสี 1 กิโลกรัม ที่มีครึ่งชีวิต 100 ปี หลังจาก 100 ปี จะเหลือ 500 กรัม หลังจากผ่านไปอีก 100 ปี ก็จะเหลือ 250 กรัม เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ ในที่สุด ปริมาณรังสีจะลดลงจนเท่ากับระดับรังสีพื้นหลัง
  • ครึ่งชีวิตมีช่วงตั้งแต่เสี้ยววินาที ไปจนถึงหลายพันล้านปีเลยค่ะ 😮
  • ในการปนเปื้อนทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดสารกัมมันตรังสี จะเลือกใช้ไอโซโทปที่มีครึ่งชีวิตสั้นมากค่ะ ครึ่งชีวิตนั้นนานพอที่จะยังคงทำงานเพื่อการตรวจจับได้ แต่ก็สั้นพอที่จะลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำได้อย่างรวดเร็วที่สุด ไอโซโทป Technetium-99m ที่ใช้ในการถ่ายภาพวินิจฉัย มีครึ่งชีวิตสั้นๆ เพียง 6 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานทางการแพทย์นี้ค่ะ หลังจาก 24 ชั่วโมง กัมมันตภาพรังสีเกือบทั้งหมดก็หายไปแล้ว ทั้งจากการสลายตัวและการกำจัดตามธรรมชาติของร่างกาย

10.0 ประโยชน์ของรังสี (Uses of Radiation) 👍

แม้ว่ารังสีอาจฟังดูน่ากลัว แต่ก็มีประโยชน์มากมายในชีวิตประจำวันของเรานะคะ!

  • การผลิตไฟฟ้า: โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่ง
  • การแพทย์:
    • รักษามะเร็งโดยการฉายรังสีไปยังเซลล์มะเร็ง
    • ใช้สารกัมมันตรังสีติดตาม (radioactive tracers) เพื่อวินิจฉัยโรค เช่น ตรวจหาการอุดตันในร่างกาย
    • ใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัด
  • อุตสาหกรรมและอื่นๆ:
    • ใช้สารกัมมันตรังสีติดตามในการหาจุดรั่วในท่อประปา
    • ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในอาหาร (เช่น ผลไม้)
    • ใช้ในเครื่องตรวจจับควัน
    • ใช้ในไฟฉุกเฉิน
    • ใช้ในการวิจัย

11.0 สรุป: ทำความเข้าใจ เพื่อลดความกลัว (Conclusion: Understand More, Fear Less) 🧠❤️

เราอยู่ในโลกที่มีรังสีค่ะ แต่รังสีส่วนใหญ่นั้นไม่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน ส่วนรังสีที่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนที่เราได้รับในชีวิตประจำวันมักจะอยู่ในระดับต่ำ และมีวิธีที่เราจะลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ เช่น การตรวจสอบบ้านว่ามีก๊าซเรดอนหรือไม่ หรือการทาครีมกันแดด

อย่างที่ มารี กูรี (Marie Curie) นักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกด้านรังสีเคยกล่าวไว้ว่า "ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่น่ากลัว มีแต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องเข้าใจมากขึ้น เพื่อที่เราจะได้กลัวน้อยลง"

การเรียนรู้เกี่ยวกับรังสีและวิธีที่ปลอดภัยในการจัดการกับมัน จะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากพลังอันยิ่งใหญ่ของมันได้อย่างปลอดภัยค่ะ! 😊👍


ตารางสรุป: รังสีและการใช้งาน (Table Summary: Radiation and Its Uses)

ประเภทของรังสี (Type of Radiation)

มาจากไหนได้บ้าง? (Where Can it Come From?)

คุณสมบัติหลัก (Key Properties)

ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน? (Ionizing?)

ประโยชน์ที่พบได้ (Common Uses)

รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic)

แสงอาทิตย์, อุปกรณ์ไฟฟ้า, เครื่องมือสื่อสาร, การแพทย์ (X-ray)

เดินทางเป็นคลื่นพลังงาน. มีสเปกตรัมพลังงานหลากหลาย.

เฉพาะพลังงานสูง (X-ray, Gamma, High UV)

วิทยุสื่อสาร, มองเห็นภาพ (แสง), ความร้อน (อินฟราเรด), ถ่ายภาพวินิจฉัย (X-ray), ฆ่าเชื้อ (UV พลังงานสูง)

รังสีนิวเคลียร์ (Nuclear)

อะตอมที่ไม่เสถียร (ไอโซโทปกัมมันตรังสี), แหล่งธรรมชาติ (เรดอน, แร่), โรงไฟฟ้านิวเคลียร์, การแพทย์, งานวิจัย

ปล่อยจากนิวเคลียสของอะตอม. มี 3 ชนิดหลัก: แอลฟา (อนุภาคหนัก), เบต้า (อนุภาคเบากว่า), แกมมา (คลื่นพลังงานสูง). การทะลุทะลวงแตกต่างกัน.

ใช่ (ทุกชนิด: แอลฟา, เบต้า, แกมมา)

การผลิตไฟฟ้า, การแพทย์ (รักษามะเร็ง, สารติดตาม), ฆ่าเชื้อ, เครื่องตรวจจับควัน, ไฟฉุกเฉิน, งานวิจัย

Note. This table summarizes key information about types of radiation based on the provided sources. Ionizing radiation can cause damage at a cellular level.


บรรณานุกรม (Bibliography)

เนื่องจากแหล่งข้อมูลที่ให้มาเป็นข้อความจากบทถอดเสียง (transcript excerpts) ของวิดีโอ YouTube และไม่ได้ระบุ URL ที่แน่นอนของวิดีโอต้นฉบับ บรรณานุกรมนี้จึงจัดทำขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าที่ระบุในแหล่งข้อมูลเหล่านั้นในรูปแบบ APA 7th edition ค่ะ

FuseSchool - Global Education. (n.d.). Hazards From Radioactive Material | Radioactivity | Physics | FuseSchool [Video transcript excerpts]. YouTube. (Source excerpts provided)

FuseSchool - Global Education. (n.d.). Stable and Unstable Nuclei | Radioactivity | Physics | FuseSchool [Video transcript excerpts]. YouTube. (Source excerpts provided)

TED-Ed. (n.d.). Is radiation dangerous? - Matt Anticole [Video transcript excerpts]. YouTube. (Source excerpts provided)

Canadian Nuclear Safety Commission - CNSC. (n.d.). What is radiation? [Video transcript excerpts]. YouTube. (Source excerpts provided)


 

Comments

Popular posts from this blog

Science Time Machine: Awesome Discoveries! 🚀 (เครื่องย้อนเวลาวิทยาศาสตร์: การค้นพบสุดเจ๋ง!)

What is Matter All Around Us? สสารคืออะไร? 🤔

Health Education Quiz: The Nervous & Endocrine Systems